วันอาทิตย์ที่ 19 กรกฎาคม พ.ศ. 2552

{MBAY12/2} ไข้หวัด 2009 fact from doctor



    
 






====================


ถึงสื่อมวลชนทุกท่าน ผมจะบอกความจริงเรื่อง ไข้หวัด
2009 ให้ทราบ





ถึงสื่อมวลชนทุกท่าน ผมจะบอกความจริงเรื่อง ไข้หวัด
2009   ให้ทราบ

พวกคุณงง
และสับสนกับเจ้าหน้าที่และหมอหลายคนที่ให้ข่าวไม่ค่อยตรงกันใช่มั้ยครับ ?
ผมจะบอกข้อมูลอะไรให้ฟัง
  ซื่งคุณสามารถตรวจสอบได้เอง จากแพทย์ผู้เชื่ยวชาญด้าน ไวรัสวิทยา หรือจุลชีววิทยา ตามภาควิชาจุลชีววิทยา คณะแพทย์มหาลัยใหญ่ๆนะครับ
(
กรุณาเลิกสัมภาษณ์นักการเมืองได้แล้ว ไม่มีอะไรคืบหน้าเลย   ควรสัมภาษณ์อาจารย์ที่เขารู้จริงทำงานเรื่องนี้จริงๆดีกว่า)




 



 





 


Mexico
นำหน้าเราอยู่ประมาณ 1-2 เดือน ตอนนี้น่าจะกำลังปีนเขาลูกที่ 2 อยู่
ตอนนี้การระบาดในบ้านเราน่าจะอยู่แถวๆดอยของเขาลูกที่
1 แล้วที่เราว่าเป็นกันเยอะ ปิดโรงเรียนกันมากมาย ป่วยกันทั้งหมู่บ้าน มันจะกลายเป็นเด็กๆไปเลย เมื่อของจริงมา อีกไม่นานเกินรอ




 



 





 

 




 


ถามตอบยอดฮิต เกี่ยวกับหวัด
2009

1.
โรคนี้ไม่รุนแรง ไม่น่ากลัว อย่าสะดิ้งไปนะตะเอง ????


Answer :  
มะเหงกแน่ะ  ความจริงคือ

1.
ไข้หวัด 2009   ดูเหมือนไม่รุนแรง อัตราตายต่ำ  แต่แพร่ระบาดง่ายและรวดเร็ว ( การแพร่กระจายสูง)
2.  
ความน่ากลัวของหวัด 2009 คือการกลายพันธุ์ต่างหาก และการกลายพันธุ์จะเกิดง่ายที่สุด เมื่อคน 1 คน หรือสัตว์ 1 ตัว ทะลึ่งติดหวัด 2 ชนิดพร้อมกัน ( เช่นหวัด 2009 + หวัด ธรรมดา พร้อมกัน  หรือ หวัด 2009 + หวัดนกพร้อมกัน)

ขณะนี้"หวัดนกซึ่งรุนแรงและมีอัตราตายสูงมากกก ยังไม่ได้หายไป"
และแนวโน้มของหวัดนก จะ"ระบาดซ้ำอีก ทุกๆปลายปี"
แม้ว่าหวัด
2009 มันไม่รุนแรง แต่ถ้าปล่อยให้แพร่แบบนี้ " อีกไม่นานมันอาจผสมกัน "

.........
เอาความสามารถในการแพร่กระจายของหวัด 2009 บวกกับความรุนแรงของหวัดนก   เมื่อนั้นก็หายนะ  !!!!!

และนั่นคือสาเหตุ
ที่อยากให้คนไทยทุกคนดูแลสุขภาพให้ดี อย่าให้เป็นหวัด อย่าให้โรคนี้แพร่กระจายไปกว่านี้

ถ้าเป็นหวัดแล้ว แยกตัวจากคนอื่นทันทีอย่าแรดเดินตลาด อย่าแรดไปห้างหรือที่ชุมชน
  และใส่หน้ากากทันทีอย่าให้แพร่เชื้อสู่คนและสัตว์รอบข้างถึงแม้จะอยู่บ้านที่มีสมาชิกแค่ 2 คนก็ตาม

 


2.
ถ้าเป็นขึ้นมา ไปหาหมอเดี๋ยวก็หาย ???

Answer :  
แม่เจ้า พศ.นี้ยังเข้าใจกันแบบนี้อีกเหรอนี่ ??

คุณรู้มั้ยว่า เวลาคุณไปหาหมอเพราะเป็นหวัด
  หมอจะจ่ายยาลดไข้   ยาลดน้ำมูก ยาแก้ไอ ให้คุณ แต่ไม่มียาฆ่าเชื้อหวัด!!!
นอกจากคุณติดเชื้อแบคทีเรียซ้ำเติม เช่นทอนซิลอักเสบ คออักเสบ  หมอจึงจะจ่ายยาฆ่าเชื้อแบคทีเรียที่ติดซ้ำเติมให้  
แต่ก็ยังไม่มียาฆ่าเชื้อไวรัสหวัดให้อยู่ดี!!
เพราะอะไรน่ะเหรอ  
เพราะยาฆ่าไวรัส มันแพงมาก และไม่คุ้มที่จะแจกจ่ายพร่ำเพรื่อ เพราะจะทำให้ไวรัสยิ่งกลายพันธุ์ดื้อยาขึ้นไปอีก
99.99%
ของคลินิก และ โรงพยาบาลขนาดเล็ก จึงไม่มียารักษาการติดเชื้อไวรัสหวัด ไว้ในสต็อกยาเลยครับ

สิ่งที่ดีที่สุดในการรักษาไข้หวัด  คือการกินยาลดไข้ ยาลดน้ำมูก ยาแก้ไอ ตามอาการ แล้วนอนพักผ่อนมากๆ  พยายามอย่าไปแพร่เชื้อใส่ใคร เดี๋ยวก็หายครับ

ส่วน
Tamiflu น่ะ อย่าไปหวังอะไรกับมันมากเลยครับ เพราะ
-
ตอนนี้ยาขาดตลาดสุดๆ  รพ. หลายแห่ง หายานี้มา Stock ไว้ไม่ได้
-
ยานี้จะออกฤทธิ์ได้ดี เมื่อคนไข้ถูกตรวจพบเจอก่อนเกิดอาการ แล้วคนไข้คนไหนจะกระแดะเดินไปหาหมอตอนไม่มีอาการล่ะครับ  ( ถึงกระแดะไปหาหมอก็ไม่กระแดตรวจ Swab ให้หรอก  หรือ ถึงหมอกระแดะตรวจให้ คุณจะกระแดะจ่ายค่าตรวจราคา 4000+ บาท มั้ยล่ะครับ ?)
-
ตอนนี้เริ่มมีรายงาน เชื้อดื้อยา Tamiflu แล้วครับ  (บอกแล้ว ว่าไวรัสมันกลายพันธุ์ เร็วค่อดๆ)

แก้ไขเมื่อ
09 ก.ค. 52 10:12:27




 



 





 


3.
ฉีดวัคซีนป้องกันได้ ???

Answer :  
วัคซีนที่ใช้กันอยู่ทุกวันนี้คือวัคซีน ป้องกัน ไข้หวัดใหญ่สเปนครับ
เป็น
H1N1 เหมือนกัน  แต่เป็นเชื้อคนละตัว  (เหมือนตระกูลงวงคำเหมา เหมือนกัน แต่ หม่ำกับ ตุ๊กกี้เป็นคนละคนกัน มีสิ่งที่ชอบที่กลัวไม่เหมือนกัน)   พูดง่ายๆ คือ ในทางทฤษฎี   วัคซีนนี้ ไม่น่าจะป้องกันหวัด 2009 ได้เลย   แต่ให้ฉีดไว้ก่อนเพราะ

-
ตอนแรกนักวิทย์คำนวณไว้อยู่แล้วว่า ปีนี้ ไข้หวัดสเปนต้องระบาด ( ใครจะนึกว่ามันทะลึ่งกลายพันธุ์เป็น 2009 )   อย่างน้อยการฉีดนี้เป็นการตัดไข้หวัดสเปนออกไปก่อน พูดง่ายๆ คือ ถ้าใครเดินมา รพ. เราจะได้สงสัยไปเลยว่าเป็น หวัด 2009 ไม่ใช่หวัดสเปนจะได้ง่ายต่อการควบคุมรักษา

-
ถ้าเกิดไข้หวัดสเปน เกิดบ้าจี้ระบาดขึ้นมาพร้อมกันตอนนี้ อัตราตายมันสูงกว่า หวัด 2009 มากนะครับ

-
แม้ทางทฤษฎี วัคซีนนี้จะกัน 2009 ไม่ได้เลย  แต่ไหนๆมันก็เชื้อตระกูลเดียวกัน และเป็นเชื้อใหม่ด้วย   ใครจะไปรู้ว่ามันอาจป้องกันหวัด 2009 ได้ซัก 1% ก็ได้ มีตังค์ก็ฉีดๆ ไปเหอะ   Better Than Nothing   แต่ต้องรู้นะ ว่า  การฉีดวัคซีนนี้ ไม่ได้แปลว่า คุณไม่ต้องกลัวแล้ว ไม่ได้แปลว่าคุณมีภูมิคุ้มกันต่อหวัด 2009 แล้ว มันแค่ลดความเสี่ยงไปซักถึง 1%   รึเปล่ายังไม่รู้เลย ??

แก้ไขเมื่อ
09 ก.ค. 52 09:15:41






 


4.
แล้วอะไร คือสิ่งที่ควรทำตอนนี้ ???

Answer :



4.1
ระดับส่วนตัวและครอบครัว

ในภาวะปกติ


 
ตอนนี้ต้องยอมรับว่า ทุกแหล่งชุมชนคือจุดเสี่ยงในการแพร่ระบาด โดยเฉพาะบริเวณที่เป็นห้องแอร์ระบบปิด   เช่นในห้างสรรพสินค้า   โรงหนัง   บนรถไฟฟ้า   รถไฟใต้ดิน ถ้าจะเดินเข้าแหล่งชุมชนเหล่านี้ ควรใส่หน้ากากป้องกันตัวเองได้แล้วครับ!!!!!


ถ้าคุณมีอาการของโรคหวัด
แค่ ไอ จามเล็กๆน้อยๆ

   
ควรแยกตัวจากครอบครัวและสังคมเท่าที่ทำได้ เช่นแยกห้องนอนจากคนอื่น   ถ้าต้องอยู่ร่วมกันก็ใส่หน้ากากตลอดเวลา ( หาซื้อไม่ได้ ก็เอาผ้าเช็ดหน้ามาผูกไว้ก็ยังดีกว่าหายใจรดกันตรงๆ)  

ปิดปากปิดจมูกเสมอ
อย่าหายใจรดใคร อย่าไอจามใส่ที่สาธารณะ เลิกถ่มน้ำลายลงพื้นได้แล้ว

ล้างมือให้บ่อยที่สุด
การเอามือไปป้ายโน่นป้ายนี่เป็นช่องทางการแพร่เชื้อที่ดีเยี่ยม

ตอนเช้าตื่นนอน กรุณาเปิดหน้าต่างกว้างๆ  เปิดพัดลมไล่อากาศออกซักนิด
ก่อนจะให้ใครคนอื่นเดินเข้ามาในห้องเรา   เสื้อผ้า ผ้าปูเตียง ปลอกหมอนหมั่นซักบ่อยๆ ( ไม่รู้มีคราบเสมหะ ตอนเราไอจามติดอยู่รึเปล่า ) ล้างมือให้บ่อยที่สุด แต่ไม่ต้องถึงกับแยกห้องน้ำหรอกนะแค่เอาแปรงสีฟันเราออกมาเก็บเอง อย่าใส่ถ้วยเดียวกะคนอื่นก็พอ

แก้ไขเมื่อ
09 ก.ค. 52 09:16:39




 



 





อาการอย่างไรจึงควรไปตรวจที่รพ.
?

1.
มีไข้ 38 C ขึ้นไปร่วมกับ
2.
อาการอย่างใดอย่างหนึ่งได้แก่ ปวดกล้ามเนื้อ , ไอ , หายใจผิด ปกติ (หอบ , ลำบาก) , หรือแพทย์วินิจฉัยว่าเป็นปอดบวม ร่วมกับ มีผู้สัมผัสร่วมบ้านหรือในที่ทำงานป่วยสงสัยไข้หวัดใหญ่หรือปอดอักเสบ ภายใน 1 สัปดาห์ก่อนวันเริ่มป่วย

ถ้าอาการแค่เป็นหวัดเจ็บคอธรรมดา ไข้ไม่สูงไม่นอนซม  ไม่ต้องสะดิ้งวิ่งไปรับเชื้อที่รพ.นะครับ อย่าลืมว่าตอนนี้  รพ.นั่นแหละเป็นแหล่งแพร่เชื้อที่ดีที่สุด.................


 


4.2
ระดับนโยบายของรัฐ และ สื่อมวลชน

มาดูกันนิดนึง
ว่าทำไมประเทศเราถึงควบคุมการระบาดไม่ได้เลย ขณะที่ประเทศต้นตำรับการระบาดอย่าง Mexico ซึ่งไม่ได้เจริญกว่าบ้านเราเลย เขาถึงควบคุมการระบาดระลอกแรกได้....

จำข่าวได้มั้ยครับ ว่าตอนแรกที่
Mexico เขาระบาดเขาทำอะไรบ้าง ??
ปิดเลยครับ !!!
  เขากล้าพอที่จะปิด โรงเรียนทุกแห่ง โรงหนังทุกแห่ง  ห้างสรรพสินค้าทุกแห่ง ทั่วประเทศ พร้อมกัน 1 สัปดาห์ พร้อมทั้งพ่นยาฆ่าเชื้อ ตามโรงหนัง ห้างสรรพสินค้าใหญ่ๆด้วย
นั่นคือสาเหตุที่เขาควบคุมการระบาดระลอกแรกได้ทันทีในสัปดาห์ต่อมา....

แล้วพี่ไทยล่ะทำอะไรบ้าง
?? นอกจากออกข่าว ว่า ไม่มีอะไร้  ไม่น่ากลัว แต่คนติดเชื้อเพิ่มเป็นหลักร้อย หลักพันทุกวัน ???
มัวแต่กลัวว่าเศรษฐกิจจะทรุด การท่องเที่ยวจะกระทบ  
...
คิดกันบ้างมั้ยว่า ถ้าคนไทย ตัยหอง กันหมด
จะมีเศรษฐกิจดีๆไว้ทำอารายจ๊ะ ??
เศรษฐกิจ คือ สิ่งที่เราสร้างได้แน่นอนถ้าคนไทยยังมีลมหายใจอยู่คับ (ว้อยยยยยย )


 


และคุณสื่อมวลชนครับ ... ผมว่า
ถึงเวลาแล้วที่พวกคุณจะต้องพูดความจริง.....
ถ้าจำไม่ได้ว่าผมพล่ามอะไร ให้พูดดังนี้นะครับ

1.
โรคนี้ อันตรายครับ .... และยังกลายพันธุ์ให้อันตรายกว่านี้ได้อีกในปลายปีนี้ครับ
2.
โรคนี้ หวังพึ่งยารักษา ไม่ได้ครับ   และตอนนี้เริ่มดื้อยาแล้วด้วยครับ
3.
โรคนี้ต้องป้องกันอย่างเดียวครับ
4.
จะควบคุมการระบาดได้ ต้องพร้อมใจกันใส่หน้ากาก ล้างมือบ่อยๆ พร้อมกันทั้งสังคมครับ
5.
จะควบคุมการระบาดได้ ปิดโรงเรียน โรงหนัง  ศูนย์การค้าใหญ่ๆ ได้แล้วครับ ขอแค่ 3 วันก็ยังดีครับ!!!!!

 


ของแถม  (ส่วนนี้ถ้าอ่านไม่รู้เรื่อง ก็ช่างเถอะนะ)
ขออธิบายเรื่องการกลายพันธุ์
ของไวรัสล้วนๆ จะได้รู้ว่าทำไมผมถึงคิดว่าเราควรตื่นตัว

อธิบายความรู้พื้นฐานเพื่อให้เข้าใจก่อน


HOST =
เหยื่อ ที่ไวรัสเข้าไปฝังตัว ( มนุษย์ หรือ หมู / นก สัตว์ต่างๆที่มันเข้าไปสิง)
HOST cell =
เซลล์ ของเหยื่อ ที่ไวรัสเข้าไปฝังตัว ( เซลล์ มนุษย์ หรือ สัตว์)  


+++
ปฏิบัติการเมื่อไวรัสเข้าไปใน HOST  Cell+++  

ไวรัสเป็นสิ่งมีชีวิตที่ไม่ครบองค์ประกอบของการเป็นเซลล์
มันจึงไม่สามารถแพร่พันธุ์ด้วยตัวเองได้   แต่จะแพร่พันธุ์โดยการฝังตัวเข้าไปใน HOST cell

ดูรูปประกอบ
  พื้นที่ สีชมพูทั้งหมด คือ HOST cell
รูปหกเหลี่ยมสีเหลือง คือไวรัส
หมายเลข
1-2 คือ ไวรัส สัมผัสผิวเซลล์ แล้วจะละลายตัวเองเข้ากับผนังเซลล์ บุกเข้ามาภายใน Host Cell
หมายเลข
3     เมื่อเข้ามาแล้ว ไวรัสจะสลายเปลือกตัวเอง เหลือแต่ RNA คือเกลียวสีแดงในรูป
หมายเลข
4a   RNA คือสารพันธุกรรมของไวรัส ที่จะหลอกล่อ RNA ของ Host ( เกลียวสีน้ำเงิน) ให้มาประกบตัว เพื่อสร้างไวรัสตัวใหม่ออกมามากมาย  ( ปกติ RNA ของมนุษย์ มีไว้สร้าง โปรตีน และสารจำเป็นอื่นๆต่อร่างกาย และแน่นอนมันเป็นสารที่มีรหัสพันธุกรรมมนุษย์อยู่ด้วย)
ในรูป
 
4b  
คือ RNA ไวรัส หลอก RNA มนุษย์  ให้สร้างเปลือกใหม่ให้มันแทนอันที่มันสลายทิ้งไปตอนแรก
4c  
คือ RNA ไวรัส หลอก RNA มนุษย์   ให้สร้าง RNA ไวรัสใหม่ (ที่ปะปนกับ RNA มนุษย์ เรียบร้อยแล้วจะกลายพันธ์ได้ช่วงที่หนึ่งก็ตอนนี้แหละ)

หมายเลข
5-6   ประกอบร่างกันใหม่อีกครั้ง ได้เป็นไวรัสลูก ( ที่ขโมย RNA ของ Host   มาผสมเรียบร้อย) จำนวนนับหมื่นนับแสน   เข้าละลายผนังเซลล์ ของ Host แล้ว บุกออกจากตัว Host ออกสู่โลกภายนอกอีกครั้ง.......ระบาดดด นั่นเอง.....


ไวรัสกลายพันธ์อย่างไร

1. Mutation =
การผ่าเหล่าของพันธุกรรม  : วิธีนี้ช้า  ในมนุษย์ ใช้เวลาหลายร้อยชั่วคน แต่ในไวรัส ไม่กี่รุ่นก็ทำได้ (จำคำอธิบายข้างต้นว่า เพียงพ่อเดียว( host ที่ไวรัสไปฝังตัว-- > ไวรัสก็ออกลูกได้เป็นหมื่น   จึงไม่ต้องรอหลายรุ่นอย่างมนุษย์) และแน่นอน ไม่ต้องรอนับพันปีอย่างมนุษย์ไวรัสใช้เวลาเป็นวัน หรือ ชั่วโมงเท่านั้น
2. Genetic Recombination
เป็นวิธีที่เร็วอย่างน่ากลัวเข้าไปอีก อธิบายดังนี้.....

โปรดดูรูปประกอบอีกครั้ง  เกลียวสีแดงๆนั้นแทน
RNA   ซึ่งล่องลอยไปมาในเซล
คราวนี้ลองนึกภาพว่า ถ้ามีไวรัสไข้หวัดใหญ่
2 ชนิดขึ้นไปบุกเข้าไปในเซล์ Host พร้อมกัน  ไวรัสนั้นจะสลายเกราะ ปล่อย RNA ของมันออกมาล่องลอยในเซลล์ ก่อนจะประกอบร่างตัวเองขึ้นมาใหม่เป็นไวรัสลูกหลานออกนอกเซลล์ ไอ้ตอนนี้แหละท่านผู้ชม...   มันก็ลากเอา RNA อะไรก็ได้มาประกอบร่าง ( ทั้งของไวรัสอีกตัวนึง กับของ Host )   ผสมกันออกจากเซลล์ กลายเป็นไวรัสพันธุ์ใหม่เสร็จสรรพ.....


นี่คือที่มาว่า ไวรัสไข้หวัดใหญ่
H1N1 ธรรมด๊าธรรมดา กลายมาเป็นไข้หวัดหมู เม็กซิโก 2009 ได้ยังไง
สรุปง่ายๆคือ
Host ( คนหรือสัตว์) เกิดแจ็คพ็อตติดเชื้อไข้หวัดใหญ่ 2 ชนิดขึ้นไปในคราวเดียวกัน ไวรัสก็จะไปผสมพันธุ์กันในร่างเหยื่อคนนั้น ก่อให้เกิดไวรัสพันธ์ใหม่พร้อมกันทีเดียวหลายพันหลายหมื่นเผ่าพันธ์   แต่แน่นอน การผสมมั่วซั่วเหล่านี้ ไวรัสพันธ์ใหม่ที่ได้ส่วนใหญ่ จะอยู่ไม่รอดในธรรมชาติ แต่มันหลุดมาเป็นหมื่นชนิดมีหรือจะไม่มีชนิดนึงเล็ดรอด ใช่แล้วและตัวที่รอดออกมาก็คือ " ไข้หวัดใหญ่ เม็กซิโก 2009  SWINE FLU "        

ดูแล้วพอจินตนาการได้มั้ยครับ ว่าถ้ามันจะกลายพันธุ์ต่อก็ใช้วิธีเดียวกันได้ไม่ยากเลย!!!!!!




The bad news: the flu vaccine will not protect you.

ข่าวร้าย วัคซีนไข้หวัดแบบปัจจุบันยังป้องกันอะไรไม่ได้


The good news: antiviral drugs (Tamiflu and Relenza) will work.

ข่าวดี
 :   เค้าว่า ยา Tamiflu ช่วยได้

The bad news: antiviral drugs are not very effective after symptoms start, which is why they are not commonly used in medical practice.

ข่าวร้าย :
  ยาพวกนั้น จะใช้ไม่ค่อยได้ผล เมื่อเริ่มมีอาการแล้วววว   นั่นคือสาเหตุที่หมอเองยังไม่ค่อยมีโอกาสสั่งยาพวกนี้เลย  (ใครมันจะไปหาหมอกินยาก่อนมีอาการฟะ ????)




 



 





 

 




 

[

 

.

__,_._,___


Share your memories online with anyone you want anyone you want.
--~--~---------~--~----~------------~-------~--~----~
คุณเป็นสมาชิกกลุ่ม Google Groups กลุ่ม "MBAY12/2"
หากต้องการโพสต์ถึงกลุ่มนี้ ส่งอีเมลไปที่: mbay12@googlegroups.com มันจะส่งต่อถึงเพื่อนๆทุกคนโดยอัตโนมัติ
หากต้องการยกเลิกการเป็นสมาชิก: mbay12+unsubscribe@googlegroups.com
Group: http://groups.google.co.th/group/mbay12
BLOG: http://gscy12.blogspot.com/
-~----------~----~----~----~------~----~------~--~---

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น