วันศุกร์ที่ 12 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553

{MBAY12/2} FW: เรื่องของคนขี้แพ้ รายงานโดยหนูดี-วนิษา เรซ (ดีมาก ๆ เลย อย่าขี้เกียจอ่านนะ)



--- เมื่อ ศ., 12/2/10, ราชพงศ์ มะโนราช <rgmd12@hotmail.com> เขียน:

จาก: ราชพงศ์ มะโนราช <rgmd12@hotmail.com>
เรื่อง: FW: เรื่องของคนขี้แพ้ รายงานโดยหนูดี-วนิษา เรซ (ดีมาก ๆ เลย อย่าขี้เกียจอ่านนะ)
ถึง: anuchaggie25@hotmail.com, atcharee_ak@hotmail.com, bugkamsai38@hotmail.com, bunjerd_8@hotmail.com, cheewa1@hotmail.com, darawan_m@hotmail.com, haalay_99@hotmail.com, ing_4008053@yahoo.co.th, junthipa011@hotmail.com, jyaya_22@hotmail.com, krinaoy@hotmail.com, lompop@yahoo.co.th, manthana99@hotmail.com, napaporn-w@hotmail.com, panida_pu-puy@hotmail.com, raksita_d@hotmail.com, supawan_aid@hotmail.com, suphet@yahoo.co.th, thip-law@hotmail.com, tum.mju60@hotmail.com, y-rase@hotmail.com
วันที่: วันศุกร์, 12 กุมภาพันธ์ 2010 15:05 น.


 

From: apiratz@hotmail.com
Subject: เรื่องของคนขี้แพ้ รายงานโดยหนูดี-วนิษา เรซ (ดีมาก ๆ เลย อย่าขี้เกียจอ่านนะ)
Date: Mon, 8 Feb 2010 16:03:31 +0700

 
 

 เรื่องของคนขี้แพ้

รายงานโดย :หนูดี-วนิษา เรซ:         วันอังคารที่ 10 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

เมื่อประมาณสองสัปดาห์ที่ผ่านมา หนูดีเพิ่งรู้ตัวค่ะว่า เป็นคนขี้แพ้อย่างหนัก เพราะที่ผ่านมามีคุณหมอหลายรายพยายามบอกหนูดีแล้วว่า หนูดีเป็น ภูมิแพ้แต่หนูดีก็ไม่เคยตั้งใจฟัง ให้ยาอะไรมาหนูดีก็ไม่เคยยอมกิน แค่รับยามาพอให้คุณหมอสบายใจ พอถึงบ้านก็วางไว้อย่างนั้นจนอาการหายไปเอง เรียกว่าอยู่ในภาวะปฏิเสธความจริงและดื้อเงียบแบบสุดขีด เพราะใครเลยจะนึกว่า คนที่ใช้ชีวิตปกติได้ เดินทางไปไหนมาไหนได้ ป่วยก็ไม่ค่อยบ่อย เกสรดอกไม้ก็ไม่เคยแพ้ จะเป็น คนขี้แพ้กับเขาได้ด้วย แต่ก็เป็นไปแล้วค่ะ และแพ้ในสิ่งที่ไม่น่าแพ้ได้ คือ อาหารโปรดที่ชอบกิน รวมถึงโทรศัพท์มือถือและคอมพิวเตอร์ของตัวเองด้ วย

เมื่อต้องมาศึกษาข้อมูลเพื่อดูแลตัวเอง ก็เลยตกใจว่า หนูดีใช้ชีวิตมาได้ตั้ง 30 ปีเข้านี่แล้ว โดยกินอาหารที่ตัวเองแพ้มาเป็นส่วนใหญ่ ทั้งๆ ที่สิ่งนั้น คือ อาหารสุขภาพที่ใคร ๆ ก็ยอมรับกันทั่วโลก แต่หนูดีก็เพิ่งทราบว่า อาหารก็เหมือนแฟชั่นนะคะ คือ อะไรที่ซูเปอร์โมเดลใส่แล้วสวย ก็ไม่ได้หมายความว่าเราจะใส่สวยเหมือนเขาเสมอไป อาหารสุขภาพก็เช่นเดียวกันค่ะ อาหารที่ดีโดยสากลไม่ได้หมายความว่าจะดีกับร่างกายทุกคน บางทีอาหารที่เราคิดว่าดี กินเข้าไปแล้วกลับเป็นโทษกับร่างกายของเราเต็มๆ เลยไม่รู้ว่าเป็นอาหารหรือว่ายาพิษกันแน่

ต้องเท้าความก่อนว่า เมื่อหนึ่งเดือนที่ผ่านมา หนูดีโชคดีที่ได้ไปพบกับแพทย์ทางเลือกท่านหนึ่ง ที่ไม่สั่งยาแต่สั่งเป็นวิตามินแทน และมีวิธีตรวจร่างกายแบบใหม่ต่างจากการตรวจร่างกายประจำปีในโรงพยาบาล ซึ่งหนูดีตรวจทุกปี อย่างละเอียดเทียบเท่ากับคนอายุ 60 เสมอ และไม่เคยพบอะไรผิดปกติเลย แต่สิ่งหนึ่งที่งงก็คือ ทั้ง ๆ ที่ร่างกายดี แต่ทำไมบางครั้งกินอาหารเสร็จแล้วง่วง รู้สึกไม่มีแรง อยากกินของหวานช่วงบ่าย ๆ และเป็นไมเกรนเป็นระยะ ๆ ด้วย ทั้งที่ผลเลือดก็แสนปกติ

หนนี้หนูดีเลยลองตรวจเซลล์เลือดสด ที่เจาะและเอาขึ้นจอดูสภาพเม็ดเลือดกันเดี๋ยวนั้นในเวลาไม่เกิน 2 นาทีก่อนที่เลือดจะแปรสภาพ ตอนแรกหมอเอาภาพเม็ดเลือดที่สุขภาพดีให้ดู จะเห็นเม็ดเลือดแดงกระจายตัวและเห็นเม็ดเลือดขาวเกาะกันอยู่อย่างแข็งแรง ส่วนเลือดที่ไม่ค่อยดีจะเห็นเม็ดเลือดแดงเกาะกันเป็นกระจุก แสดงว่าเลือดข้นไป ก่อนตรวจหนูดีก็มั่นใจว่าเลือดเราดีแน่เพราะเราก็เลือกวิธีดูแลสุขภาพ แม้จะชอบกินขนมก็ไม่น่าจะส่งผลเสียกับภาพรวมได้มากมาย ที่ไหนได้ เจาะออกมาแล้ว พอเอาสไลด์เลือดขึ้นหน้าจอ เห็นสภาพเลือดตัวเองแล้วแทบเป็นลม ไม่นึกไม่ฝัน เพราะเม็ดเลือดแดงหนูดีเกาะตัวกันเป็นพวง เม็ดเลือดขาวแตกกระจายเป็นหย่อมๆ แถมเห็นโลหะหนักต่าง ๆ ลอยตัวปะปนในเลือดอีกเต็ม คนอ่านค่าบอกว่าเลือดหนูดีมีสารปนเปื้อนเยอะ ดื่มน้ำน้อยไป (โอ้โห ขนาดนี้ยังว่าน้อย ปกติหนูดีดื่มจนโดนเรียกว่าอูฐอยู่แล้ว) นอนดึกไป (หนูดีนอนก่อนเที่ยงคืนยังเรียกว่าดึกหรือคะ) และอีกสารพัด ต่อจากนั้นยังต้องเจาะเลือดเพื่อไปตรวจดูว่า หนูดีอาจแพ้อาหารอะไรได้บ้างอีก 170 ชนิด

ผลออกมาอีกสัปดาห์หนึ่ง เชื่อหรือไม่ว่าในอาหารท็อปเทนของโปรดตัวเองนั้น หนูดีแพ้เกือบครบทุกตัว แต่หมายเลขหนึ่งที่ต้องหลีกเลี่ยงเลยคือ บลูเบอร์รี โดยคุณหมอแจ้งว่า หมอเสียใจด้วยนะครับ แต่ว่าคุณหนูดีคงต้องเปลี่ยนวิตามิน ตัวที่กินอยู่แล้วล่ะ เพราะว่าหนูดีกินว ิตามินต้านอนุมูลอิสระที่ทำจากผลบลูเบอร์รี (อ้าว ก็ตำราทางสมองของหนูดีเขาบอกว่ามันเป็นเบรนเบอร์รีนี่นา) แถมวิตามินตัวที่สองที่กินทุกวันก็คือ น้ำมันปลา ผลออกมาว่า หนูดีแพ้ปลาทูน่าค่ะ ฉะนั้น น้ำมันปลาที่กินบำรุงสมองมาเป็นปีๆ ก็เท่ากับกำลังหยอดยาพิษให้ตัวเองทุกวัน ต้องเปลี่ยนแบบฉับพลัน เป็นน้ำมันจากปลาแซลมอน หรือน้ำมันเมล็ดแฟล็กซ์ที่มีโอเมก้า 3 เหมือนกัน ส่วนคุณแม่ของหนูดีแพ้ปลาแซลมอนค่ะ เลยได้มรดกน้ำมันปลาขวดที่เหลือของหนูดีไปกิน และคุณหมอสั่งวิตามินสำหรับลำไส้และข้อต่อ ชื่อแปลก ๆ ที่หนูดีไม่มีวันซื้อมากินเองเป็นแน่แต่เหมาะกับการฟื้นฟูสภาพร่างกายหนูดีมากให้แทน ส่วนอาหารประจำวันก็ปรากฏว่าหนูดีไม่ควรกินคาร์โบไฮเดรตเยอะไป เพราะลักษณะร่างกายย่อยแป้งได้ไม่เก่ง ควรเน้นกินผักต้มมากกว่าผักสด เน้นอาหารทะเล วุ้นเส้น โดยงดพวกเบเกอรี เพิ่งตาสว่างเลยว่า ทำไมหนูดีกิน อาหารสุขภาพ ก็แล้ว แต่ยังรู้สึกไม่ค่อยดี เพราะไป เติมน้ำมันผิดประเภทให้ร่างกายตัวเองนั่นเอง พอกระบวนการย่อยทำงานได้ไม่ดี เครื่องยนต์ก็รวน แถมเหลือสารตกค้างเยอะ ให้เป็นสารปนเปื้อนในเลือดแบบที่เห็นนั่นเอง ตามมาด้วยอาการเพลีย ไม่มีแรงโดยไม่มีเหตุผล ทั้ง ๆ ที่เป็นคนไฮเปอร์ขนาดนี้

เรื่องการแพ้ของหนูดียังลามปามไปถึงแพ้โทรศัพท์มือถือ และที่หนักกว่านั้น คือแพ้แล็ปท็อปอีกด้วย ตอนแรกหนูดีก็ยังไม่เชื่อคุณหมอ เพราะเกิดมาไม่เคยได้ยินคนแพ้มือถือ แต่คุณหมออธิบายให้ฟังว่า ร่างกายหนูดีดูอ่อนแอกว่าที่ควร เพราะสนามแม่เหล็กธรรมชาติของร่างกายโดนรบกวนด้วยสนามแม่เหล็กไฟฟ้ารอบตัว ว่าแล้วคุณหมอก็หยิบเครื่องมือเล็ก ๆ ที่ใช้วัดพลังงานแม่เหล็กไฟฟ้าออกมา ซึ่งตอนถือก็ดูปกติดี แต่พอเอามาจี้กับเครื่องแบล็คเบอร์รี่ของหนูดีเข้า ก็ส่งแสงสีแดงแวบๆ ไม่หยุด และแ สงนี้ยิ่งแรงเมื่อไปจี้ที่เครื่องส่งสัญญาณตรงด้านหลัง พ้นไปจากบีบีไม่พอ หนูดีหยิบเครื่องโนเกียรุ่นใหม่สีเงินส่งให้ ปรากฏว่าแรงไม่แพ้กัน เห็นแล้วสยอง อันที่ค่อยยังชั่วหน่อยคือ โทรศัพท์เครื่องละพันห้าที่สัญญาณรบกวนร่างกายต่ำ จนตอนนี้หนูดีกับบีบีต้องวางไว้ไกล ๆ กันเลยค่ะ หนูดีกลัว ใครใช้ก็ระวังกันด้วยนะคะ โชคดีที่ไม่ติดมาตั้งแต่ซื้อแล้ว แต่ที่น่าตกใจกว่าคือ แป้นพิมพ์ตรงหน้าจอแล็ปท็อป ซึ่ง ต้องบอกว่าเครื่องวัดสัญญาณเสียสติไปเลยเพราะส่ งแสงแดงๆ ไม่หยุด เหมือนสัญญาณเตือนภัยทีเดียว คุณหมอบอกว่า นี่ล่ะอันตรายมาก และหนูดีก็เลยหายสงสัย ว่าทำไมเวลาหนูดีพิมพ์ต้นฉบับนาน ๆ ตอนกลางคืน พอพิมพ์เสร็จจะล้าไปหมด ปวดหัว และนอนไม่ค่อยหลับ จนต้องเลิกทำงานหน้าจอตอนกลางคืนไป ทั้ง ๆ ที่ท่านั่งพิมพ์ก็จัดให้ถูกสุขลักษณะแล้วนะนี่ แต่พอมาเห็นแบบนี้เลยเข้าใจว่า อ๋อ ก็มือเราวางอยู่ตรงจุดอันตรายที่สุดเป็นชั่วโมง ๆ แล้วจะให้ร่างกายทนทานไหวได้อย่างไร พอรู้อย่างนี้เลยเปลี่ยนมาใช้แป้นพิมพ์แบบเสียบสายแล้วลากมาเสียห่างหน้าจอ แถมไปถามเพื่อนฝรั่ง เขาเลยแนะนำว่า เพื่อนอีกคนมีสายเสียบคอมพิวเตอร์เข้ากับโทรทัศน์จอแบนขนาดใหญ่ที่บ้าน แล้วลากเอาแป้นมานั่งทำงานที่โซฟา เรียกว่าไกลกันที่สุดเท่าที่ทำได้ ฟังแล้วชักอยากทำตามบ้าง ตั้งแต่ยอมรับได้ว่า ตัวเองเป็น คนขี้แพ้และเริ่มปรับชีวิตแบบผู้แพ้ได้ หนูดีก็พบว่า เพียงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา ระดับพลังงานของหนูดีเพิ่มขึ้นมากมาย เริ่มกินอาหารเสร็จแล้วสบายท้อง ไม่อึดอัด ไม่ปวดหัว ไม่อยากของหวาน ตอนบ่ายเหมือนที่เคย รวมถึงพอเปลี่ยนลักษณะการใช้งานโทรศัพท์มือถือ และแล็ปท็อปให้เป็นของไกลตัวขึ้น ก็พบว่าอาการปวดมึนหัว รวมทั้งปวดไหล่แบบแปลกๆ หายไปด้วย วันนี้ใครยังกินอาหารสุขภาพอยู่ด้วยความภาคภูมิใจ ลองเช็กสักนิดไหมคะว่า เราแพ้อาหารนั้นหรือเปล่า เพราะของดีสากล อาจไม่เหมาะกับเราก็เป็นได้ จะได้ไม่ต้องติดกับดักของ คนขี้แพ้แบบที่หนูดีติดมาเป็นปีโดยไม่รู้ตัว

โชคดีนะคะ

 

 

 

 



Hotmail: อีเมลที่เชื่อถือได้ซึ่งมาพร้อมกับการป้องกันอีเมลขยะที่มีประสิทธิภาพ ลงทะเบียนเดี๋ยวนี้


เปิดเมลได้ไวกว่า
Yahoo! ขอแนะนำให้อัพเกรดเบราเซอร์เป็น Internet Explorer 8 เหมาะสุดสำหรับ Yahoo!โหลดเลย! (ฟรี)

--
คุณเป็นสมาชิกกลุ่ม Google Groups กลุ่ม "MBAY12/2"
หากต้องการโพสต์ถึงกลุ่มนี้ ส่งอีเมลไปที่: mbay12@googlegroups.com มันจะส่งต่อถึงเพื่อนๆทุกคนโดยอัตโนมัติ
หากต้องการยกเลิกการเป็นสมาชิก: mbay12+unsubscribe@googlegroups.com
Group: http://groups.google.co.th/group/mbay12
BLOG: http://gscy12.blogspot.com/

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น